โซเชียลงง โยกเยก 10 ตัว ราคาเกือบ 5 แสน ผอ.บอกไม่รู้แพงไหม

โซเชียลงง โยกเยก 10 ตัว เกือบ 5 แสน แพงกว่าราคาตลาดหลายเท่า ผอ.ยันซื้อของมีคุณภาพ เพื่อความปลอดภัยของเด็ก

กรณีเฟซบุ๊ก “ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน” โฟสต์รูปภาพเครื่องเล่นเด็กชุดโยกเยกรูปสัตว์ต่างๆ ชุดโยกเยกตัวน้อยนี้อยู่ที่อุทยานมกุฎรมยสราญ จ.นนทบุรี จัดซื้อมาติดตั้งไว้ด้วยกัน 2 แบบ แบบแรกเป็นชุดสปริงเดี่ยว ที่มีเบาะรองนั่งโยกไปมา จำนวน 6 ตัว ประกอบด้วยรูปฉลาม รูปไก่ รูปเสือ รูปม้า รูปรถเวสป้าและรูปรถบรรทุก ราคารวม Vat ตกตัวละ 42,800 รวมเป็นเงิน 256,800 บาท พบราคาตลาดเพียงตัวละ 8,560 บาท

และแบบชุดสปริงผนังคู่ มีที่นั่งตรงกลางอีก 4 ตัว มีรูปปลาวาฬ รูปรถ รูปแมลงเต่าทอง รูปปูอ้วน ราคารวม Vat ตกตัวละ 56,710 บาท รวมเป็นเงิน 226,840 บาท ราคาตลาดขายอยู่ที่ชุดละ 13,910 บาทเฉพาะสองแบบ 10 ตัวนี้ ใช้งบไป 483,640 บาท พบส่วนต่างสูงถึง 376,640 บาท

ข่าวกระแส-สังคมออนไลน์

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พร้อมเข้าสอบถาม นายมาณพ ฤทธิเดช ผู้อำนวยการส่วนการโยธาและสุขาภิบาล กล่าวว่า ตนคิดว่ามันไม่ใช่ประเด็นที่มันถูกหรือแพง เนื่องจากศูนย์ของเล่นมีเด็กเข้ามาเล่นจำนวนมาก เคยมีอุบัติเหตุอยู่ว่าเหล็กมันเป็นสนิม พาสติกมันแตกแล้วเกี่ยวกับเด็กมันอันตราย ซึ่งทุกอย่างก็ใช้มา 10 กว่าปี ตอนนี้ก็เริ่มเปลี่ยนใหม่ ก็ให้เน้นเรื่องสวัสดิภาพของเด็กต้องมาก่อน สารที่ใช้โลหะพาสติกต้องไม่เกิดอันตรายต่อเด็กต้องมีความคงทนโดยเฉพาะอันนี้มันเป็นงานกลางแจ้ง ก็ต้องหาวัสดุที่มีคุณภาพที่มันทนต่อการกดขี่ ทนต่อแสงแดดอุณหภูมิที่ร้อน และทนต่อการใช้งาน

แม้กระทั่งเรื่องพื้นเดิมที่เป็นพื้นจิ๊กซอว์ก็เปลี่ยน เพราะเวลาพื้นนโดนความร้อนมันจะโก่งงอ เด็กเดินสะดุดก็ล้ม ตอนนี้ก็ให้ฝ่ายที่เขาออกแบบงานสวนก็ให้เขาออกแบบพื้นแบบใหม่เหมือนพื้นทางเดินที่มันมีความนุ่มเด็กหล่นลงมาก็ไม่เจ็บ แต่ของเรายังห่วงเรื่องหนึ่งคือเราคอนโทรลคนที่เข้ามาใช้ไม่ได้ ขนาดบางทีเด็กอายุ 14-15 ก็ยังมีมาเล่น เล่นเก้าอี้โยก เล่นชิงช้า แต่เราห้ามไม่ได้ ตอนเย็นจะมีเด็กมาเล่นเยอะ ก็ให้คำนึงถึงความปลอดภัยตรงนี้ ให้ดูถึงคุณภาพของสินค้า คุณภาพของวัสดุที่นำมาใช้ 1.ต้องมีความคงทนถาวร 2.ต้องมีความปลอดภัย

แต่ถ้าถามว่าถ้าเทียบกับราคาที่อื่นว่าแพงไหมตนก็ตอบไม่ได้ เพราะว่าในกระบวนการเสนอราคาก็มีการแข่งขันโดยเสรีอยู่แล้วว่าใครก็ได้ที่มีคุณสมบัติก็เสนอมา แต่ไม่ได้มาง่ายๆ มันต้องมีการทดสอบโลหะอะไรหลายอย่างในส่วนตรงนี้

แนะนำข่าวสังคม อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : ลูกค้าเหลี่ยมจัด ค่าอาหาร 264 บาทจ่ายมา 1,000 วอนเกาหลี

ลูกค้าเหลี่ยมจัด ค่าอาหาร 264 บาทจ่ายมา 1,000 วอนเกาหลี

ลูกค้าเหลี่ยมจัด ค่าอาหาร 264 บาท จ่ายมา 1,000 วอนเกาหลี ไรเดอร์ไม่รับทำเป็นวีน

ลูกค้าสั่งอาหาร 264 บาท จ่ายเงินมา 1,000 วอนเกาหลี ไรเดอร์งงจะให้ทอนยังไง พอไม่รับทำเป็นโวยวายด่า อย่าโง่!

กลุ่มไรเดอร์ชลบุรี ได้มีการแชร์คลิปเตือนภัยว่า ไรเดอร์คนหนึ่งได้รับออร์เดอร์จากลูกค้ามาช่วงกลางดึก จึงนำอาหารจะไปส่งที่ตามที่ลูกค้าปักหมุดเข้าไว้ แต่ลูกค้าไม่ออกมาจากประตู ยื่นมาแต่มือพร้อมกับแบงค์สกุลต่างประเทศ 1,000 วอน ซึ่งเป็นธนบัตรประเทศเกาหลีใต้ แล้วยังบอกอีกว่าไม่ต้องทอน ซึ่งค่าอาหารทั้งหมด 264 บาท

สังคม

ในวิดีโอลูกค้าคนดังกล่าวพูดกับไรเดอร์ว่า เกมสล็อต “ให้พี่เอาเงินไปแลก เพราะเราหิว”

ไรเดอร์จึงแจ้งว่า ลูกค้าควรแจ้งล่วงหน้าก่อนว่าจะจ่ายเงินอย่างไร เพราะเจอแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าจะรับอย่างไร ลูกค้าจึงสวนกลับว่า “ค่าเงินมีค่าเท่ากัน เช็คแล้ว” ไรเดอร์จึงขอให้ลูกค้านำเงินไทยมาจ่าย แต่ลูกค้ายืนยันชัด “ไม่ได้ค่ะ เพราะว่าตอนนี้ก็ไปแลกเงินให้ไม่ทันเหมือนกัน เพราะว่าเพิ่งกลับมา อย่าเรื่องมากได้ไหมคะน้อง”

พอถามว่าจะไปตรวจสอบที่ไหน ลูกค้าก็ทำเป็นโมโห บอกว่า “พรุ่งนี้พี่ก็ไปธนาคารสิ โอ๊ย เรื่องมากอะ” ก่อนจะบอก งั้นก็วางอาหารไว้ตรงนี้

เมื่อโต้เถียงกันไปมา ลูกค้าก็ด่าไรเดอร์ด้วยว่า “อย่าโง่” ฝ่ายไรเดอร์ยืนกรานว่า “ผมเป็นคนไทย จะรับเงินไทยครับ” จนกระทั่งแม่ของลูกค้าคนดังกล่าวออกมา และคลิปก็ตัดจบไป

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม คลิ๊กเลย >> ส่อง “โรคอ้วนและเบาหวาน” โรคร้ายของสังคมยุคใหม่

ส่อง “โรคอ้วนและเบาหวาน” โรคร้ายของสังคมยุคใหม่

ส่อง “โรคอ้วนและเบาหวาน” โรคร้ายของสังคมยุคใหม่

“อ้วน” คำสั้น ๆ ที่แทงใจดำใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะคนเจ้าเนื้อที่อยู่ในขั้นอวบระยะสุดท้าย พอได้ยินคำนี้ทีไร มันเจ็บจี๊ดอย่างบอกไม่ถูก แต่คุณทราบหรือไม่ว่า นอกจากเรื่องความสวยงามของรูปร่าง ความอ้วนยังแฝงภัยร้ายที่เราต้องระวังอีกมากมาย ซึ่งเคสที่เริ่มพบบ่อยขึ้นในปัจจุบันก็คือโรคเบาหวานที่มาพร้อมกับภาวะอ้วน

แบบไหนที่เรียกว่าอ้วน
การที่เราจะรู้จักโรคอ้วนให้ถูกต้องตามหลักการ ต้องอาศัยคุณหมอมาช่วยชี้ชัดเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ในครั้งนี้ นพ. ชาญวัฒน์ ชวนตันติกมล อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการโรคเบาหวานและต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลวิมุต ได้ให้คำอธิบายว่า “โรคอ้วนคือโรคเรื้อรังที่เกิดจากร่างกายมีปริมาณไขมันมากกว่าปกติจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ การจะระบุว่าเป็นภาวะอ้วนหรือไม่ โดยมากจะพิจารณาจากค่าดัชนีมวลกาย (BMI) คือใช้น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัมและหารด้วยส่วนสูงในหน่วยเมตรยกกำลังสอง หากมีค่าดัชนีมวลกายเกิน 25 ก็ถือว่ามีภาวะอ้วน หรือสามารถวัดรอบเอวอย่างง่าย ๆ โดยใช้เกณฑ์สำหรับคนเอเชียทั่วไป ผู้ชายที่มีรอบเอวเกิน 90 เซนติเมตรและผู้หญิงที่เกิน 80 เซนติเมตรขึ้นไป ก็ถือว่าอ้วน”

สาเหตุของโรคอ้วนมีมากมาย นับตั้งแต่พันธุกรรม อายุที่มากขึ้นซึ่งทำให้การเผาผลาญลดลง การมีโรคประจำตัวและการใช้ยารักษาโรคบางชนิดที่ทำให้การเผาผลาญผิดปกติ และอีกหนึ่งสาเหตุที่พบมากขึ้นในคนหนุ่มสาวปัจจุบันก็คือพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพหรือมากเกินไป ก็ทำให้น้ำหนักขึ้นจนเกิดภาวะอ้วนได้เช่นกัน ในทางกลับกัน เราอาจเคยเห็นบางคนที่กินมากเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ซึ่งอาจเป็นไปได้ที่คน ๆ นั้นมีโรคประจำตัวแฝงอยู่โดยไม่รู้ตัว เช่นอาจมีภาวะไทรอยด์เป็นพิษทำให้มีการเผาผลาญพลังงานมากกว่าปกติ ซึ่งจำเป็นต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป

คุณหมอชาญวัฒน์ยังเตือนว่าภาวะอ้วนเป็นเรื่องที่เราไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะอาจนำมาซึ่งโรคร้ายได้อีกหลายโรค และเคสที่เริ่มเกิดมากขึ้นในสังคมปัจจุบันคือโรคเบาหวานจากภาวะอ้วน

สังคม

อ้วนเมื่อไหร่ เสี่ยงเบาหวานเมื่อนั้น
พญ. ธนพร พุทธานุภาพ อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการโรคเบาหวานและต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลวิมุต กล่าวว่า “คนที่อ้วนจะมีไขมันในร่างกายสูงทำให้ฮอร์โมนอินซูลินที่ช่วยลดระดับน้ำตาลทำงานได้ไม่ดี ส่งผลให้การใช้และการกำจัดน้ำตาลไม่เท่าคนปกติ ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นและเป็นเบาหวานได้ ซึ่งคนที่เป็นโรคอ้วนหรือน้ำหนักเกินจะมีความเสี่ยงเป็นเบาหวานมากกว่าคนปกติ 3-7 เท่า และ 80-90% ของคนไข้เบาหวานจะมีภาวะอ้วนหรือน้ำหนักเกินร่วมด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสองโรคนี้มีความสัมพันธ์กันอย่างมาก”

การรักษาโรคเบาหวานจากภาวะอ้วน จะเริ่มตั้งแต่การปรับพฤติกรรมการกินและรูปแบบอาหาร รวมถึงการต้องออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ เพื่อลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งคุณหมอธนพรแนะนำว่าควรเข้ามาพบแพทย์เพื่อรักษา เพราะผู้ป่วยเบาหวานบางคนอาจไม่ได้ดีขึ้นจากการควบคุมอาหารอย่างเดียว อาจจะต้องใช้ยาช่วย ซึ่งยารักษาในปัจจุบันมีความปลอดภัย ไม่มีผลต่อไต ช่วยในการควบคุมน้ำตาลและลดภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานได้ดี นอกจากนี้ถ้าเป็นเบาหวานและโรคอ้วนร่วมด้วย ก็จะมียากลุ่มใหม่ที่ช่วยลดทั้งน้ำตาลและน้ำหนักด้วย ซึ่งมีทั้งแบบกินและแบบฉีด ช่วยทำให้ผู้ป่วยคุมอาหารได้ง่ายขึ้น อิ่มเร็วขึ้น ลดระดับน้ำตาลได้เร็วขึ้น ซึ่งช่วยให้การรักษาไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด

แต่สิ่งที่หลายคนวิตกกังวลก็คือถ้าเป็นโรคเบาหวานแล้วจะรักษาหายขาดได้หรือไม่? “ปัจจุบัน เรายังไม่เรียกว่าหายขาดแต่ใช้คำว่าโรคสงบคืออยู่ในเกณฑ์ที่ใกล้เคียงกับคนปกติ” คุณหมอธนพร ตอบ “สำหรับคนไข้ที่เป็นเบาหวานร่วมกับภาวะอ้วนมาไม่นานเกิน 3-5 ปี หากลดน้ำหนักได้ 15% ขึ้นไป ก็มีโอกาสที่โรคเบาหวานจะสงบจนอยู่ในระดับปกติโดยไม่ต้องใช้ยา แค่ต้องคุมน้ำหนักต่อเนื่องเท่านั้น”

ดังนั้น การป้องกันโรคเบาหวานจากภาวะอ้วนจึงอยู่ที่การควบคุมน้ำหนักซึ่งต้องปฏิบัติควบคู่กันในหลาย ๆ ด้านทั้งการปรับพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เช่น ในอาหารหนึ่งจานอาจแบ่งเป็น 4 ส่วน ครึ่งหนึ่งกินเป็นผักใบๆ อีกหนึ่งในสี่กินเป็นเนื้อสัตว์ติดมันที่ปรุงแบบไขมันต่ำอย่างตุ๋น ต้ม หรือนึ่ง อีกหนึ่งส่วนเป็นคาร์โบไฮเดรต ซึ่งแนะนำเป็นข้าวกล้องหรือข้าวไรซ์เบอร์รี่จะทำให้น้ำตาลไม่สูงและมีกากใยเยอะ รับประทานผลไม้ในปริมาณที่พอเหมาะและเลือกชนิดที่ไม่หวานจัดเช่น แอปเปิ้ล 1 ผลเล็ก ฝรั่งครึ่งผลกลาง ชมพู่ 3-4 ผลกลาง นอกจากนี้ยังควรเสริมการออกกำลังกายอย่างการยกน้ำหนัก วิดพื้น ซิทอัพ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อ และการออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น ว่ายน้ำ วิ่ง ปั่นจักรยาน ให้ได้สัปดาห์ละ 150 นาทีขึ้นไป เท่านี้คุณก็จะห่างไกลจากโรคอ้วนและเบาหวานได้

ติดตามข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นี่ : บริการ “วัคซีนโควิด” ต่อเนื่อง ไม่มีค่าใช้จ่าย หลัง 1 ต.ค. 65

บริการ “วัคซีนโควิด” ต่อเนื่อง ไม่มีค่าใช้จ่าย หลัง 1 ต.ค. 65

สธ.-กทม. ยืนยันหลัง 1 ต.ค. 65 บริการวัคซีนต่อเนื่อง ไม่มีค่าใช้จ่าย แม้ปรับ โควิด เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง ส่วน “ไฟเซอร์”

 

ข่าวสังคม

 

สำหรับเด็ก 6 เดือนถึงต่ำกว่า 5 ขวบ จะมาถึงในอีก 2 อาทิตย์วันที่ 1 ต.ค.65 จากกรณีที่มีการปรับให้ “โควิด-19” เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง เข้ารับบริการได้ในสถานพยาบาลทุกระดับ รวมถึงการปรับจุดฉีดวัคซีน ซึ่งมีการยุบศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อไปแล้ว โดยให้บริการฉีดวันสุดท้าย เมื่อ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับกรณีของวัคซีน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 6 เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยสามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ประมาณ 144 ล้านโดส การรับเข็มกระตุ้นยังต่ำกว่า 40% มีเพียงเขตสุขภาพที่ 13 กทม. ที่รับเข็มที่สามเกิน 40%
ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป แม้โรคโควิด-19 จะปรับเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง แต่สิ่งสำคัญคือการรับเข็มกระตุ้น โดยในส่วนของสถานพยาบาลต่างๆ ในภูมิภาค 76 จังหวัด สามารถไปรับบริการโรงพยาบาลภาครัฐได้ทั้งหมดโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน หรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ที่มีการเตรียมและกระจายวัคซีนโควิด-19 ทั้งชนิดเชื้อตาย ไวรัลเวกเตอร์ mRNA และโปรตีนซับยูนิต ไปทุกพื้นที่

สำหรับการรับภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป LAAB สำหรับกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ กลุ่มผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์การรับสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการฉีดได้ เช่น ผู้ป่วยไตวายที่รับการฟอกไต ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะที่ได้รับยากดภูมิ ผู้ป่วยโรคข้ออักเสบหรือแพ้ภูมิตนเองที่ได้รับยากดภูมิ รวมถึงผู้ป่วยภูมิคุ้มกันต่ำกลุ่มอื่นๆ